วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562



เรื่อง หมูหยอง


  ต้นกำเนิดหมูหยอง               
หมูหยองกำเนิดในมณฑลฮกเกี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีนและพบเห็นบ่อยในอาหารของชนชาตินี้ผู้ไม่ชอบใจรับประทานสุกร เปลี่ยนไปใช้เนื้อสัตว์อื่นหย็องแทนก็มี เช่น ชาวมุสลิมนิยมรับประทานไก่หรือเนื้อหยอง โดยเฉพาะในหน้าเราะมะฎอนและฮารีรายออีดุลฟิฏริ และจีนบางพวกนิยมปลาหยอง
               หมูหยอง เป็นของกินทำด้วยหมูเนื้อแดงปรุงรส ต้มเคี่ยวให้เปื่อยจนงวด นำไปผัดจนแห้ง ขยี้ให้เป็นฝอย มักใช้รับประทานด้วยอาหารอื่น เช่น โรยข้าวต้มหรือโจ๊ก หรือเป็นเครื่องปรุงอาหารอื่น เช่น เป็นไส้ซาลาเปาหรือเป็นหน้าข้าวตัง


และเป็นอาหารยอดฮิตในทุกเพศ ทุกวัย รับประทานกันตั้งแต่เด็ก ไปถึงวัยชรา ทานคู่กับข้าวสวยก็อร่อย หรือข้าวต้มก็อร่อยไม่แพ้กัน จนต้องมีติดบ้านไว้ตลอดเวลา เก็บได้นาน เพราะผ่านถนอมอาหารมาอย่างดี







ความหมายของคำที่ใช้ในมาตรฐานผลิตภัณฑ์
 หมูหยอง หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหมูส่วนสะโพกที่เลาะเอาไขมัน เอ็น และพังผืดออก แล้วตัดเป็นชิ้น ตามความยาวของกล้ามเนื้อ ต้มจนเปื่อย แล้วปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรส เช่น น้ำตาล เกลือ ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ อาจเติมเครื่องเทศและสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด นำไปผัดจนแห้ง อาจนำไปอบด้วยหรือไม่ก็ได้









คุณลักษณะที่ต้องการ
1. ลักษณะทั่วไป ต้องเป็นเส้นฟู อาจมีส่วนที่เป็นผงได้เล็กน้อย
2.  สี ต้องมีสีที่ดีตามธรรมชาติของส่วนประกอบที่ใช้ ไม่มีรอยไหม้
3.   กลิ่นรส ต้องมีกลิ่นรสที่ดีตามธรรมชาติของส่วนประกอบที่ใช้ มีกลิ่นหอม ปราศจากกลิ่นอื่นที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอับ กลิ่นหืน มีรสหวานเค็มพอเหมาะ
4. ลักษณะเนื้อสัมผัส ต้องกรอบ ไม่เเข็งกระด้าง เมื่อตรวจสอบโดยวิธีให้คะแนนตามข้อ 8.1 แล้ว ต้องได้คะแนนเฉลี่ยของแต่ละลักษณะจากผู้ตรวจสอบทุกคนไม่น้อยกว่า 3 คะแนน และไม่มีลักษณะใดได้ 1 คะแนน จากผู้ตรวจสอบคนใดคนหนึ่ง
5.  สิ่งแปลกปลอม ต้องไม่พบสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ใช่ส่วนประกอบที่ใช้ เช่น เส้นผม ดิน ทราย กรวด ชิ้นส่วนหรือสิ่งปฏิกูลจาก สัตว์ เช่น แมลง หนู นก
6.  วัตถุเจือปนอาหาร







ประโยชน์ของหมูหยอง
1.   หมูหยองมีโปรตีนและแคลเซียมสูงเป็นสวนประกอบที่สําคัญของเนื้อหมูช่วยทําให้กระดูกแข็งแรงและชวยป้องกัน โรคกระดูกพรุนได้
2.  บางตำรา มีการกล่าวไว้ว่า หมูหยอง ไม่มีประโยชน์ และไม่ให้คุณค่าใด ๆ ต่อร่างกาย ทั้ง ๆ ที่ทำมาจากเนื้อหมูแท้ แต่ทำไมจึงมีการกล่าวไว้แบบนี้ เรามาไขข้อข้องใจกันดีกว่า ในเนื้อหมูหยองนั้น จะประกอบไปด้วยสารอาหาร (โดยประมาณ) คือ คาร์โบไฮเดรต  35% โปรตีน 45% ไขมัน 5% น้ำ 10% และอื่นๆ อีก 5% เหมือนจะไม่อ้วน แต่ให้พลังงานถึง 357 kcal ต่อ 100 กรัม ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณที่รับประทานเข้าไป



เคล็ดลับความอร่อย 
           ของหมูหยองขึ้นอยู่กับขั้นตอนการทำที่ต้องมีความละเอียดอ่อนและใจเย็น โดยเฉพาะการโขลกให้เนื้อหมูหยองฟูสวย หากต้องการทำขายหารายได้เสริมทำที่บ้านขั้นตอนนี้ถือว่ามีความสำคัญ ถึงแม้จะมีวิธีทำหลายขั้นตอนแต่การทำเองก็จะได้หมูหยองที่มีราคาถูกกว่าซื้อสำเร็จหลายเท่าตัวค่ะ

โทษของหมูหยอง
          อาหารทุกประเภท มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ดังนั้นจึงควรเลือก และรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม หมูหยองก็เช่นกัน ถึงจะผ่านกรรมวิธีการผลิตมากมายหลายขั้นตอนก็ตาม แต่ก็ยังมีโทษหากรับประทานมาก หรือติดต่อกันนานจนเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ไม่ควรรับประทานเป็นประจำ เนื่องจากมีน้ำตาลปริมาณค่อนข้างสูง
         ในอดีต มีการตรวจพบว่า บางร้านใช้ดินประสิว เพื่อช่วยให้หมูหยอง มีความกรอบ อร่อยมากขึ้น ร่างกายก็จะได้รับโทษจากปรุงแต่งนั้นด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็เป็นที่น่าภูมิใจ ที่สถิติการตรวจหาสารดังกล่าวในปัจจุบันนั้นน้อยลงมาก เราจึงสามารถรับประทานได้อย่างสบายใจ







เกร็ดความรู้
        หมูหยองที่ดีควรใช้เนื้อหมูส่วนสะโพก เพราะมีมันค่อนข้างน้อย แต่มีกากใยอาหารค่อนข้างสูง
หากร่างกายได้รับดินประสิวในปริมาณสูง หรือสะสมไว้นานอาจส่งผลให้มีอาการ หายใจไม่ออก ปวดท้อง และอาจหมดสติได้เลยก่อนรับประทานทุกครั้ง ควรตรวจหาความผิดปกติในหมูหยองเสียก่อน เนื่องจาก เรามักเก็บไว้ในที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง อาจจะทำให้มีความชื้น และเกิดเชื้อราได้








      
 อุปกรณ์และวัตถุดิบ
        -หม้อ
        -เตาแก๊ส
        -มีด
        -ครก/สาก
        -ตะหลิว 

  
   วัตถุดิบในการจัดทำ
        เนื้อหมู เลาะมันออก 1 กิโลกรัม
        น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วยตวง
        เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
        ผงพะโล้ 1/2 ช้อนชา
        ซีอิ้วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
        ซีอิ้วดำ 3 ช้อนโต๊ะ (ซีอิ้วหวานก็ได้นะ)
        โป๊ยกั๊ก  3 ดอก  อบเชย 2 ก้าน
        น้ำเปล่า 1 1/2 ลิตร




ขั้นตอนวิธีทำหมูหยอง

     1.  ก่อนอื่นหั่นหมูเป็นก้อนขนาดพอดีตามแนวยาวของเส้นหมู จากนั้นเตรียมหม้อต้มน้ำให้เดือดแล้วค่อยๆ จัดการหย่อนหมูลงไปต้มในน้ำที่กำลังเดือด ต่อไปใส่โป๊ยกั๊ก อบเชย แล้วปล่อยให้น้ำเดือดอย่าลืมคอยช้อนฟองออกเรื่อย
    





2. ต่อไปใส่โป๊ยกั๊ก อบเชย แล้วปล่อยให้น้ำเดือดอย่าลืมคอยช้อนฟองออกเรื่อยๆ 








3. พอฟองเริ่มเบาบางลงก็ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว ซีอิ้วหวานหรือซีอิ้วดำ เกลือ น้ำตาลทรายแดง ผงพะโล้ แล้วต้มจนหมูเปื่อยนุ่ม ปิดฝาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง







4. เมื่อหมูสุกเปื่อยดีแล้ว ให้ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น ที่เห็นในภาพพักไว้นานไปนิด เลยแห้งไปหน่อย
หลังจากที่หมูพักเย็นดีแล้วก็แบ่งออกมาใส่ครกตำบดๆ ขยี้ๆ ให้เนื้อยุ่ยออกจากกัน







5.ใช้สากบดเบาๆ ไม่ต้องถึงกับตำ แล้วนำส้อมมายีๆ ให้เนื้อเป็นเส้นออกจากกันให้มากที่สุด










6. ทำแบบเดียวกันจนหมด แล้วเตรียมใส่ถาดที่สามารถอบได้ กระจายเนื้อหมูให้เท่ากัน
นำเข้าเตาอบหรือไปตากแดด เพื่อไล่ความชื้นออกจากหมู






7. หลังจากอบ 30 นาทีหรือตากแดดแล้ว ก็นำออกมาคั่วในกระทะ อาจจะใช้กระทะเทฟล่อนก็ได้เพื่อที่หมูจะได้ไม่ติดกระทะ แล้วทำการเปิดไฟปานกลางและคนคลุกเคล้าด้วยตะหลิวตลอดเวลาให้ความร้อนกระจายทั่วถึง จะได้หมูที่สีสม่ำเสมอกัน







 8. คนไปจนกว่าเราจะได้สีที่พอใจจากนั้นก็ปิดเตาแล้วเทใส่ถาดเพื่อกระจายความร้อนและพักให้เย็น แล้วหมูหยองเราก็จะกรอบอร่อย






    9. เมื่อเย็นดีแล้วก็หาภาชนะที่มีฝาปิดมาใส่ สามารถเก็บไว้ได้นาน เอาไว้ทานกับข้าวต้มหรือทานเล่น ทำเป็นไส้ขนมปังก็อร่อย






อ้างอิง https://pantip.com/topic/36316279






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรื่อง หมูหยอง   ต้นกำเนิดหมูหยอง                หมูหยองกำเนิดในมณฑลฮกเกี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีนและพบเห็นบ่อยในอาหารของชนชาตินี...